วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ทางสายกลางของความรัก

ผมเชื่อว่า ทุกท่านที่อ่านบล็อคนี้ รู้จักความรักดี
ผมเชื่อว่า ทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ รู้จักคำว่า "ทางสายกลาง" ดีด้วยเช่นกัน


แต่ก็อย่างที่เขาว่ากันว่า .. บางที.. การรู้จัก กับเข้าใจ
มันอาจจะอยู่ห่างกันคนละฟากของแม่น้ำ


เหมือนเรารู้จักคนๆนึงมาหลายปีดีดัก ไม่ได้แปลว่าจะเข้าใจคนๆนั้นเสมอไป
การรู้จักใครคนนึง อาจวัดได้ด้วยเวลา แต่ความเข้าใจนี่ วัดด้วยเวลาไม่ได้ครับ


ผมเคยนึกเสมอว่าผมรู้จักความรักดี เพราะผ่านมันมาแล้วหลายรูปแบบ หลายครั้ง
แต่มองย้อนไปแล้ว ผมค้นพบว่า ผมแทบไม่เคยเข้าใจมันเลย


เพราะที่จริงแล้ว ความรักมันเป็นนามธรรมที่ไม่มีรูปแบบตายตัว จับต้องไม่ได้ ไม่มีรูปพรรณสัณฐาน


การเข้าใจด้วยวิธีคิดเอา ว่ามันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
ก็เหมือนเราเอาอากาศไปอัดใส่ลูกโป่ง แล้วก็บอกว่า ..
..นี่ไง อากาศมันมีรูปร่างอย่างนี้ไง สีนี้ไง


ตลกดีนะครับ .. มีอะไรตั้งหลายอย่างที่พอเรียนรู้มากขึ้นๆ เรากลับพบว่า
การเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่มากในชีวิตของเรา ก็คือการที่เรารู้ว่า ที่ผ่านมาเราแทบไม่รู้อะไรเลยนั่นแหละ


สมัยเรียนวิปัสสนากับอาจารย์ผมใหม่ๆ ท่านสอนบ่อยๆ ในเรื่องทางสายกลาง
ท่านบอกว่า อย่ามัวเสียเวลาไปค้นหาว่า ตรงไหนคือ "กลาง"


แต่ให้รู้ทันตรงที่มันไม่กลางไว้บ่อยๆนั่นแหละ
แล้วจิตมันจะเกิดปัญญาเดินไปบนทางสายกลางเอง


ผมแอบเอามันมาประยุกต์กับความรักได้อย่างนี้ครับ


ถ้าทางสายกลางในการปฏิบัติ คือความพอดี ไม่สุดโต่ง คือหนทางของปัญญา และสันติสุข
ทางสายกลางของความรัก ก็น่าจะเป็นความรักที่พอดี เป็นสุข และร่มเย็น


แค่นี้ก็ฟังดูเก๋ก๋าฮาเฮอาเดบายอร์แล้ว อย่าไปหวังถึงขนาดว่ามันจะไม่มีทุกข์เลยนะ
ยังไงๆ ที่ใดมีรัก ที่นั่นก็ยังมีทุกข์อยู่วันยังค่ำ


เพียงแต่มันก็ทุกข์น้อยและบางเบากว่าความรักที่สุดขอบ ซ้ายบ้าง ขวาบ้าง เยอะแหละ


ถ้าทางสายกลางในการเจริญวิปัสสนา ไม่ใช่สิ่งที่พึงค้นหาด้วยการคิดเอาฉันใด
ทางสายกลางของความรัก ก็เป็นสิ่งที่ไม่พึงเกิดได้ด้วยวิธีคิดเอาฉันนั้น



ในเมื่อคิดเอาไม่ได้ ก็คอยสังเกต ตามรู้ตามดูการทำงานของจิตตัวเองเวลามีความรัก
ดูตั้งแต่มันเริ่มพอใจ เริ่มชอบ เริ่มคิดถึง เริ่มรัก และจบลง


สิ่งที่เรียนรู้จากตรงนี้ จะทำให้ผมค้นพบว่า หนทางสายกลางของความรัก
ไม่มีอะไรพิสดารมากไปกว่า ความรักและความปรารถนาดีเท่านั้นแหละ



ถ้าคุณกำลังรู้สึกว่า คุณรักใครสักคนด้วยความอยากเป็นเจ้าของเขา ถึงจะแสดงความปรารถนาดี
แต่ก็โกรธเคืองเมื่อเขาไม่ยอมรับ เคียดแค้น เมื่อเขาไปรักคนอื่น ฟูมฟายเมื่อเขาไม่รักตอบ
อันนั้นแปลว่า คุณกำลังสุดโต่งไปข้างหนึ่งอยู่ ไม่ใช่ทางสายกลาง


หรือรักใครสักคนที่ไม่ควรรัก ด้วยความไม่หวังอะไร แต่ก็ให้ร้ายเบียดเบียนตัวเอง
ทำให้ชีวิตตัวเองตกต่ำลง เป็นทุกข์หนักบักโกรก โศกซ้ำจำทน
อันนั้นแปลว่า คุณกำลังสุดโต่งไปอีกข้างนึงอยู่ ไม่ใช่ทางสายกลางอีก


ถ้าคุณเดินบนทางสายกลางของความรัก คุณจะรู้ว่า..
..ความรักที่พอดี คือความสมดุลย์ระหว่างการรักตัวเอง กับผู้อื่น
ทางสายกลางของความรัก อยู่บนพื้นฐานของการปรารถนาดีต่อตนเอง และผู้อื่น



ถ้าคุณเดินบนทางสายกลางของความรัก คุณจะรู้ว่า..
ควรรักคนที่ควรรัก ไม่เสียใจกับคนที่ไม่ควรเสียใจ



จริงอยู่ ความเสียใจห้ามไม่ได้ แต่ถ้ายอมรับว่า เสียใจเป็นเรื่องธรรมชาติ
ไม่ซ้ำเติมตัวเอง ยอมรับ ไม่ดิ้นรนจะหายเสียใจ เพียงแต่รับรู้ และยอมรับไป
มันจะเบาลงๆ และจางหายไปในที่สุด


ถ้าคุณเดินบนทางสายกลางของความรัก คุณจะรู้ว่า..
ถ้าปรารถนาดีกับคนอื่นแล้วเขาไม่พร้อมจะรับ เขาไม่ยินดีจะรับ
ก็อย่าไปพยายามยัดเยียดให้เขาให้ลำบากใจ เก็บความปรารถนาดีนั้นไว้ในใจดีกว่า


ความปรารถนาดีมันจะมีค่า ก็เมื่อคนที่เราให้ เขาอยากได้รับนะครับ


ถ้าคุณเดินบนทางสายกลางของความรัก คุณจะรู้ว่า..
สิ่งที่ดีที่สุดของความรัก คือการได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข มีชีวิตที่ดี
เพราะความสุขของเรา ก็คือการได้เห็นเขามีความสุข



เขาจะเดินจูงมือใคร จะเลือกไปกับใคร จะรักใคร มันคือชีวิตเขา เขามีสิทธิเลือกได้
ก็เหมือนกับที่เราเลือกได้ว่าเราจะมีชีวิตต่อไปอย่างไรให้ทุกข์น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น


ถ้าวันนึงความสุขของเขา มันจะหมายถึงการเลือกทางเดินชีวิตใหม่ ที่ไม่มีเรา..
มันจะเป็นบทพิสูจน์ที่สำคัญเลยนะ ว่าตกลงที่เราพูดปาวๆว่า เรารักเขาๆ น่ะ
ตกลง.. เรารักตัวเองมากกว่า หรือรักเขามากกว่า



จำเพลงๆนึงได้ไหมครับ ที่เขาร้องว่า
"ไม่รักฉัน มันก็เรื่องของเธอ จะรักเธอมันก็เรื่องของฉัน"


เข้าใจได้แค่นี้ก็สุขหลายแล้วนะคุณนะ




โดย aston27
ที่มา http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=aston27&month=19-11-2007&group=10&gblog=2

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น