วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2554

พระประวัติของพระบรมศาสดา

พระประวัติของพระบรมศาสดา

สกุลกำเนิดและปฐมวัย
ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี พระนางสิริมายา ราชธิดาของกษัตริย์โกลิยวงค์ผู้ครองกรุงเทวทหะ พระมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะ กษัตริย์ผู้ครองกรุงกบิลพัสดุ์ ทรงประสูตรพระโอรส เมื่อวันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ ณ สวนลุมพินีวัน ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับกรุงเทวทหะ (ปัจจุบัน คือ ตำบลรุมมินเด ประเทศเนปาล)




หลังจากประสูติ
อสีตดาบส เป็นมหาฤษีอยู่ ณ เชิงเขาหิมพานต์เป็นที่เคารพของราชสกุลได้รับ ทราบข่าวการประสูตรของพระกุมารจึงเดินทางมาเยี่ยม และได้ทำนายว่า ถ้าพระกุมารอยู่ครองฆราวาสจะได้เป็นจักรพรรดิ ถ้าออกบวชจะได้เป็นศาสดาเอกของโลก ๕ วันหลังประสูติพระเจ้าสุทโธทนะพร้อมทั้งพระนางสิริมหามายา พระประยูรญาติได้จัดพิธีขนานพระนามพระราชกุมารว่า สิทธัตถะ โดยเชิญพราหมณ์ ๑๐๘ คนมาเลี้ยง แล้วได้คัดเลือกเอาพราหมณ์ชั้นยอด ๘ คนให้เป็นผู้ทำนายลักษณะพระกุมาร เมื่อประสูติได้ ๗ วัน พระมารดาก็เสด็จทิวงคต พระเจ้าสุทโธทนะ จึงมอบให้พระนางประชาบดีซึ่งเป็นพระขนิษฐาของพระนางสิริมหามายาเป็นผู้เลี้ยงดู เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะพระชนมายุ 8 พรรษาได้ทรงศึกษาในสำนักครูวิศวะมิตร พระองค์ทรงศึกษาได้อย่างรวดเร็ว มีความจำดีเลิศ และทรงพระปรีชาสามารถในการกีฬา ขี่ม้า ฟันดาบ และยิงธนู




อภิเศกสมรส
วัยหนุ่ม พระราชบิดาไม่ต้องการให้เจ้าชายสิทธัตถะทรงออกบวช พระองค์ทรงพอพระทัยที่จะให้เจ้าชายสิทธัตถะเป็นองค์จักรพรรดิ จึงใช้ควาพยายามทุกวิถีทางเมื่อเจ้าชายสิทธัตถะพระชนมายุได้ ๑๖ พรรษา พระราชบิดาได้โปรดให้สร้างปราสาท ๓ หลัง ให้ประทับใน ๓ ฤดู และทรงสู่ขอพระนางโสธราพิมพา พระราชธิดาของพระเจ้าสุปปพุทธะ แห่งกรุงเทวทหะ อยู่ในตระกูลโกลิยวงค์ให้อภิเษกด้วย เจ้าชายสิทธัตถะได้เสวยสุขสมบัติจนพระชนมายุ ๒๙ พรรษา พระนางยโสาธาราก็ประสูติพระโอรส ทรงพระนามว่าราหุล


ออกบรรพชา
เสด็จออกบรรพชา เจ้าชายสิทธัตถะทรงเบื่อหน่ายในโลกียวิสัย ถึงแม้ว่าพระองค์จะทรงสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติอย่างเหลือล้น พระองค์ก็ยังคงตริตรองถึงชีวิตคน ฝักใฝ่พระทัยคิดค้นหาวิธีทางดับทุกข์ที่มนุษย์เรามีมากมาย พระองค์คิดว่า ถ้ายังอยู่ในเพศฆราวาส พระองค์คงหาทางแก้ทุกข์ อันเกิดจากความแก่ ความเจ็บ ความตายไม่ได้แน่ พระองค์จึงตัดสินใจเสด็จออกบวช โดยพระองค์ทรงม้ากัณฐกะ สู่แม่น้ำอโนมา ณ ที่นี้พระองค์ทรงอธิษฐานเพศเป็นบรรพชิตและมอบหมายเครื่องประดับและม้ากัณฐกะให้นายฉันนะนำกลับไปยังกรุงกบิลพัสดุ์






เข้าศึกษาในสำนักดาบส

การแสวงหาธรรม ระยะแรกหลังจากทรงออกบวชแล้ว เจ้าชายสิทธัตถะได้ทรงศึกษาในสำนักอาฬารดาบส ที่กรุงราชคฤห์ อาณาจักรมคธเมื่อสำเร็จการศึกษาจากสำนักนี้แล้วพระองค์ทรงเห็นว่าไม่ใช่หนทางในการหลุดพ้นจากทุกข์ตามที่พระองค์ได้ทรงมุ่งหวังไว้พระองค์จึงลาอาฬารดาบสและอุททกดาบสเดินทางไปแถบแม่น้ำคยา ในตำบลอุรุเวลาเสนานิคมแห่งกรุงราชคฤห์ อาณาจักรมคธ







บำเพ็ญทุกรกิริยา
การบำเพ็ญทุกรกิริยา เมื่อพระองค์ทรงเปลี่ยนพระทัยที่จะคิดค้นคว้าแสวงหาความรู้ด้วยพระองค์เองแทนที่จะทรงเล่าเรียนในสำนักอาจารย์แล้วพระองค์เริ่มด้วยการทรมานพระวรกายตามวิธีการของโยคี เรียกว่า การบำเพ็ญทุกรกิริยา บริเวณแม่น้ำ เนรัญชรานั้น พระมหาบุรุษได้ทรงบำเพ็ญทุกรกิริยาเป็นเวลา ๖ ปี พระองค์ก็ยังคงมิได้ค้นหาทางหลุดพ้นจากทุกข์ได้ พระองค์ทรงเลิกการบำเพ็ญทุกรกิริยา แล้วกลับมาเสวยพระกระยาหารเพื่อบำรุงพระวรกายให้แข็งแรง จะได้มีกำลังในการคิดค้นพบวิธีใหม่ ในขณะที่พระมหาบุรุษได้ทรงบำเพ็ญทุกรกิริยานั้น ได้มีปัญจวัคคีย์มาคอยปรนนิบัติรับใช้ด้วยความหวังว่า พระมหาบุรุษได้ตรัสรู้แล้วพวกตนจะได้รับการถ่ายทอดบ้าง และเมื่อพระมหาบุรุษล้มเลิกการบำเพ็ญทุกรกิริยา ปัญจวัคคีย์ก็ได้ชวนกันละทิ้งมหาบุรุษไปทั้งหมดเป็นผลทำให้พระมหาบุรุษได้อยู่ตามลำพังในที่สงบเงียบ ปราศจากสิ่งรบกวนทั้งปวง ปัญจวัคคีไปอยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน กรุงพาราณสี พระองค์ได้ทรงตั้งพระสติและเดินทางกายกลาง คือ การปฏิบัติในความพอเหมาะพอควร



ตรัสรู้
ตรัสรู้ ตอนเช้าวันเพ็ญเดือน ๖ ปีระกา ก่อนพุทธศักราช ๔๕ นางสุชาดาได้นำข้าวมธุปายาสเพื่อไปบวงสรวงเทวดา ครั้นเห็นพระมหาบุรุษประทับที่โคนต้นไทรด้วยอาการสงบ นางคิดว่าเป็นเทวดา จึงถวายทอดข้าวมธุปายาสแล้วเสด็จไปริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตอนเย็นวันนั้นเองพระองค์ได้กลับมายังต้นโพธิ์ที่ประทับ พบคนหาบหญ้าชื่อโสตถิยะ คนหาบหญ้าได้ถวายหญ้าให้พระองค์ปูลาด ณ ใต้ต้นโพธิ์ แล้วขึ้นประทับหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก และได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า แม้เลือดในกายของเราจะเหือดแห้งไปเหลือแต่หนัง เอ็น กระดูก ก็ตาม ถ้ายังไม่พบธรรมวิเศษแล้วจะไม่ยอมหยุดความเพียรเป็นอันขาด เมื่อทรงตั้งจิตอธิษฐานแล้ว พระองค์ก็ทรงสำรวมจิตให้สงบแน่วแน่ พระองค์เริ่มบำเพ็ญเพียรทางจิต และในที่สุดทรงชนะความลังเลพระทัย ทรงบรรลุความสำเร็จ เมื่อพระองค์ทรงรู้เห็นอย่างนี้ จิตก็พ้นจากกิเลสทั้งปวง พระองค์ก็ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อพระชนมายุ 35 พรรษา ในวันเพ็ญ เดือน ๖ ปีระกาธรรมสูงส่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้นั้น คือ อริยสัจ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค



ประกาศพระศาสนาครั้งแรก

การแสดงปฐมเทศนา วันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือนอาสาฬหะ (เดือน ๘) ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน พระพุทธเจ้าเสด็จไปหาปัญจวัคคีย์ พระองค์ได้ทรงแสดงธรรมในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ เรียกว่า ธรรมจักกัปวัตนสูตร ในขณะที่ทรงแสดงธรรมนั้น ท่านโกณฑัญญะได้ธรรมจักษุ คือ พระโสดาบัน ได้ทูลขออุปสมบทในพระธรรมวินัยของสัมมสัมพุทธเจ้า เรียกการบวชครั้งนี้ว่า "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" พระอัญญาโกณฑัญญะ จึงเป็นพระภิกษุรูปแรกในพุทธศาสนา






การประกาศพระพุทธศาสนา

เมื่อพระองค์ มีสาวกเป็นพระอรหันต์ ๖๐ องค์ และก็ได้ออกพรรษาแล้ว ทรงพิจารณาเห็นสมควรว่าจะออกไปประกาศศาสนา ให้เป็นที่แพร่หลายได้แล้ว พระองค์จึงเรียกประชุมสาวกทั้งหมดแล้วตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย เราได้พ้อนจากบ่วงทั้งปวงทั้งชนิดที่เป็นทิพย์ และชนิดที่เป็นของมนุษย์แล้ว แม้ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน เราทั้งหลายจงพากันจาริกไปยังชนบททั้งหลาย เพื่อประโยชน์และความสุขแก่มหาชนเถิด อย่าไปรวมกันทางเดียวถึงสองรูปเลย จงแสดงธรรมให้งามทั้งในเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ เถิด จงประกาศพรหมจรรย์อันบริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง สัตว์ทั้งหลายที่มีกิเลสเบาบางนั้นมีอยู่ เพราะโทษที่ไม่ได้ฟังธรรม ย่อมจะเสื่อมจากคุณที่จะพึงได้ถึง ผู้รู้ทั่วถึงธรรมคงจักมีอยู่ แม้ตัวเราก็จะไปยังอุรุเวลาเสนานิคม เพื่อแสดงธรรมเช่นกัน " พระองค์ทรงส่งสาวกออกประกาศศาสนาพร้อมกันทีเดียว ๖๐ องค์ ไป ๖๐ สาย คือ ไปกันทุกสารทิศทีเดียว แม้พระองค์เองก็ไปเหมือนกัน ไม่ใช่แต่สาวกอย่างเดียวเท่านั้น นับว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของบุคคลที่จะเป็นผู้นำทีเดียว



สาวกทั้ง ๖๐ องค์เมื่อได้รับพุทธบัญชาเช่นนั้นก็แยกย้ายกันไปประกาศศาสนาตามจังหวัด อำเภอ และตำบลต่างๆ ทำให้กุลบุตรในดินแดนถิ่นฐานต่าง ๆ เหล่านั้น หันมาสนใจมากเลื่อมใสมากขึ้น บางคนขอบวช แต่สาวกเหล่านั้นยังให้บวชเองไม่ได้ จึงต้องพากุลบุตรเหล่านั้นมาเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อให้พระองค์บวชให้ทำให้ได้รับความลำบากในการเดินทางมาก ฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงทรงอนุญาตให้สาวกเหล่านั้นอุปสมบทกุลบุตรได้โดยโกนผมและหนวดเคราเสียก่อน แล้วจึงให้นุ่งห่มผ้าย้อมด้วยน้ำฝาด นั่งคุกเข่าพนมมือกราบภิกษุแล้วเปล่งว่าจาว่า "ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ ข้าพเจ้าขอถึงพระธรรมเป็นสรณะ ข้าพเจ้าขอถึงพระสงฆ์เป็นสรณะ" รวม ๓ ครั้ง การอุปสมบทนี้เรียกว่า "ติสรณคมนูปสัมปทา" คือ อุปสมบทโดยวิธีให้ปฏิญญาณตนเป็นผู้ถึงสรณคมน์





ตั้งแต่พรรษาที่ ๑ ที่พระองค์ได้สาวกเป็นพระอรหันต์จำนวน ๖๐ องค์แล้วพระองค์ก็ได้อาศัยพระมหากรุณาคุณทำการประกาศเผยแผ่คำสอน จนได้สาวกเป็นภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เป็นพุทธบริษัท ๔ ขึ้น อย่างแพร่หลายและมั่นคง การประกาศศาสนาของพระองค์ได้ดำเนินการไปอย่างเข้มแข็ง โดยการจาริกไปยังหมู่บ้านชนบทน้อยใหญ่ในแคว้นต่างๆ ทั่วชมพูทวีปตลอดเวลาอีก ๔๔ พรรษาคือ พรรษาที่ ๒ - ๔๕ ดังนี้
พรรษาที่ ๒ เสด็จไปยังเสนานิคมในตำบลอุรุเวลา ในระหว่างทางได้สาวกกลุ่ม ภัททวคคีย์ ๓๐ คน และที่ตำบลอุรุเวลาได้ ชฎิล ๓ พี่น้อง คือ อุรุเวลกัสสปะ นทีกัสสปะ และ คยากัสสปะ กับศิษย์ ๑,๐๐๐ คน เทศนาอาทิตตปริยายสูตร ที่คยาสีสะเสด็จไปยังราชคฤห์แห่งแควว้นมคธ กษัตริย์เสนิยะพิมพิสาร ทรงถวายสวนเวฬุวัน แด่คณะสงฆ์ ได้สารีบุตร และโมคคัลลานะเป็นสาวก อีก ๒ เดือนต่อมาเสด็จไปยังกบิลพัสดุ์ ทรงพำนักที่ นิโครธาราม ได้สาวกมากมาย เช่น นันทะ ราหุล อานนท์ เทวทัต และพระญาติอื่นๆ อนาถปิณฑิกะเศรษฐี อาราธนาไปยังกรุงสาวัตถีแห่งแคว้นโกศล ถวายสวนเชตวันแต่คณะสงฆ์ ทรงจำรรษาที่นี่



พรรษาที่ ๓ นางวิสาขาถวายบุพพาราม ณ กรุงสาวัตถี ทรงจำพรรษาที่นี่
พรรษาที่ ๔ ทรงจำพรรษาที่เวฬุวัน ณ กรุงราชคฤห์แห่งแคว้นมคธ
พรรษาที่ ๕ โปรดพระราชบิดาจนได้บรรลุอรหัตตผล ทรงไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างพระญาติฝ่ายสักกะกับพระญาติฝ่ายโกลิยะเกี่ยวกับการใช้น้ำในแม่น้ำ โรหิณี ทรงบรรพชาอุปสมบทพระนางปชาบดีโคตมี และคณะเป็นภิกษุณี
พรรษาที่ ๖ ทรงแสดงยมกปาฏิหารย์ในกรุงสาวัตถีย์ ทรงจำพรรษาบนภูเขามังกลุบรรพต
พรรษาที่ ๗ ทรงเทศนาและจำพรรษาที่กรุงสาวัตถี ระหว่างจำพรรษาเสด็จขึ้นไปยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์โปรดพุทธมารดาด้วยพระอภิธรรม
พรรษาที่ ๘ ทรงเทศนาในแคว้นภัคคะ ทรงจำพรรษาในสวนเภสกลาวัน
พรรษาที่ ๙ ทรงเทศนาในแคว้นโกสัมพี



พรรษาที่ ๑๐ คณะสงฆ์แห่งโกสัมพีแตกแยกกันอย่างรุนแรง ทรงตกเตือนไม่เชื่อฟัง จึงเสด็จไปประทับและจำพรรษาในป่า ปาลิเลยยกะ มีช้างเชือกหนึ่งมาเฝ้าพิทักษ์และรับใช้ตลอดเวลา
พรรษาที่ ๑๑ เสด็จไปยังกรุงสาวัตถี คณะสงฆ์แห่งโกสัมพีปรองดองกันได้ ทรงจำพรรษาในหมู่บ้านพราหมณ์ชื่อ เอกนาลา
พรรษาที่ ๑๒ ทรงเทศนาและจำพรรษาที่เวรัญชา เกิดความอดอยากรุนแรง
พรรษาที่ ๑๓ ทรงเทศนาและจำพรรษาบน ภูเขาจาลิกบรรพต
พรรษาที่ ๑๔ ทรงเทศนาและจำพรรษาที่กรุงสาวัตถี ราหุลขอบรรพชาอุปสมบท
พรรษาที่ ๑๕ เสด็จไปยังกรุงกบิลพัสดุ์ สุปปพุทธะถูกแผ่นินสูบเพราะขัดขวางทางโคจร
พรรษาที่ ๑๖ ทรงเทศนาและจำพรรษาที่ อาลวี



พรรษาที่ ๑๗
เสด็จไปยังกรุงสวัตถี กลับมายังอาลวีและทรงจำพรรษาที่กรุงราชคฤห์
พรรษาที่ ๑๘ เสด็จไปยัง อาลวี ทรงจำพรรษาบน ภูเขาจาลิกบรรพต
พรรษาที่ ๑๙ ทรงเทศนาและจำพรรษาที่บน ภูเขาจาลิกบรรพต
พรรษาที่ ๒๐ โจร องคุลีมาลย์ กลับใจเป็นสาวก ทรงแต่งตั้งให้พระอานนท์ รับใช้ใกล้ชิดตลอดกาล ทรงจำพรรษาที่กรุงราชคฤห์ ทรงเริ่มบัญญัติวินัย
พรรษาที่ ๒๑ - ๔๔ ทรงยึดเอาเชตวันและบุพพารามในกรุงราชคฤห์เป็นศูนย์กลางการเผยแพร่และเป็นที่ประทับจำพรรษา เสด็จพร้อมสาวกออกเทศนาโปรเวไนยสัตว์ตามแว่นแคว้นต่าง ๆ โดยรอบ
พรรษาที่ ๔๕ และสุดท้าย พระเทวทัต คิดปลงพระชนม์ กลิ้งก้อนหินจนเป็นเหตุให้พระบาทห้อโลหิต ทรงได้รับการบำบัดจากหมอชีวก






ทรงปรินิพาน

การเสด็จปรินิพพาน หลังจากพระพุทธเจ้าแสดงปัจฉิมโอวาท ซึ่งวันนั้นตรงกับวันเพ็ญเดือนวิสาขะ (เดือน ๖) ในยามสุดท้ายของวันนั้น ณ ป่าไม้สาละ(สาลวันอุทยาน) ของกษัตริย์มัลละ กรุงกุสินารา พระองค์ได้ประทับใต้ต้นสาละคู่ หลังจากตรัสโอวาทให้แก่พระอริยสงฆ์แล้ว พระองค์มิได้ตรัสอะไรอีกแล้วเสด็จปรินิพพาน ด้วยพระอาการสงบ ซึ่งเป็นที่น่าอัศจรรย์นักที่วันประสูติ วันตรัสรู้ และวันปรินิพพานของพระพุทธเจ้าตรงกัน คือ วันเพ็ญเดือน ๖


มรรคมีองค์ 8 หรือทางสายกลาง

มรรคมีองค์ 8 หรือทางสายกลางPDFPrintE-mail
Written by Administrator
Tuesday, 04 November 2008 10:01
Article Index
มรรคมีองค์ 8 หรือทางสายกลาง
Page 2
Page 3
All Pages

อริยสัจจ์ข้อที่ 4 คือ หนทางที่จะนำไปสู่ความดับทุกข์ (ทุกฺข-นิโรธคามินีปฎิปทา-อริยสจฺจ) หนทางสายนี้เรียกว่า "ทางสายกลาง (มชฺฌิมา ปฏิปทา) เพราะงดเว้นจากข้อปฏิบัติที่เอียงสุด 2 ประการ

ข้อปฎิบัติเอียงสุดอย่างแรก ได้แก่ การแสวงหาความสุขด้วยกามสุข อันเป็นของต่ำทราม เป็นของธรรมดา ไม่เป็นประโยชน์ และเป็นทางปฏิบัติของสามัญชน

ข้อปฎิบัติเอียงสุดอีกอย่างหนึ่ง คือการแสวงหาความสุขด้วยการทรมานตนเองให้เดือดร้อน ด้วยการบำเพ็ญทุกกรกิริยาในรูปแบบต่างๆ อันเป็นการทรมานร่างกาย เป็นสิ่งไม่มีค่า และเป็นสิ่งไม่มีประโยขน์ ในเบื้องแรกนั้น

พระพุทธองค์ได้ทรงทดลองปฏิบัติข้อปฏิบัติที่เอียงสุดทั้งสองประการนี้มาแล้ว ทรงพบว่าเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ จึงได้ทรงค้นพบทางสายกลางนี้ด้วยประสบการณ์ของพระองค์เอง ซึ่งเป็นทางที่ให้ทัศนะและปัญญาอันนำไปสู่ความสงบ ญาณ การตรัสรู้ และนิรวาณะ (พระนิพพาน) ทางสายกลางนี้โดยทั่วไปหมายถึง ทางมีองค์แปดประการอันประเสริฐ (อริยอฏฐคิกมคฺค)

เพราะประกอบด้วยองค์ หรือส่วนประกอบ 8 ประการคือ

1.เห็นชอบ (สัมมาทิฏิฐิ) (ปัญญา) ได้แก่ ความรู้อริยสัจจ์ 4 หรือ เห็นไตรลักษณ์ หรือ รู้อกุศลและอกุศลมูลกับกุศลและกุศลมูล หรือเห็นปฏิจจสมุปบาท โดยการเข้าใจชอบหรือเห็นชอบนั้นมีอยู่ 2 ประเภท คือ 1.ความเข้าใจคือความรู้ ความเป็นพหูสูตร ความมีสติปัญญา สามารถรอบรู้สิ่งใดสิ่งหนึ่งตามข้อมูลที่ได้มา ความเข้าใจประเภทนี้เรียกว่า "ตามรู้" (อนุโพธ) เป็นความเข้าใจที่ยังไม่ลึกซึ้ง 2.ส่วนความเข้าใจที่ลึกซึ้งซึ่งเรียกว่า"การรู้แจ้งแทงตลอด" (ปฏิเวธ) หมายถึงมองเห็นสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ตามสภาวะที่แท้จริง โดยไม่คำนึงถึงชื่อ และป้ายชื่อยี่ห้อของสิ่งนั้น การรู้แจ้งแทงตลอดนี้จะมีขึ้นได้ เมื่อจิตปราศจากอาสวะทั้งหลาย และได้รับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์ด้วยการปฏิบัติสมาธิเท่านั้น

2.ดำริชอบ (สัมมาสังกัปปะ) (ปัญญา) ได้แก่ ความตรึกที่เป็นกุศล ความนึกคิดที่ดีงาม (กุศลวิตก 3 ประกอบด้วย 1.ความตรึกปลอดจากกาม ความนึกคิดในทางเสียสละ ไม่ติดในการปรบปรือสนองความอยากของตน 2. ความตรึกปลอดจากพยาบาท ความนึกคิดที่ประกอบด้วยเมตตา ไม่ขัดเคือง หรือ เพ่งมองในแง่ร้าย 3.ความตรึกปลอดจากการเบียดเบียนด้วยกรุณาไม่คิดร้าย หรือมุ่งทำลาย)

3.เจรจาชอบ (สัมมาวาจา) (ศิล) ได้แก่ วจีสุจริต 4 ประกอบด้วย 1.ไม่พูดเท็จ 2.ไม่พูดส่อเสียด 3.ไม่พูดหยาบ 4.ไม่พูดเพ้อเจ้อ

4.กระทำชอบ (สัมมากัมมันตะ) (ศิล) ได้แก่ กายสุจริต 3 ประกอบด้วย 1.ไม่ฆ่าสัตว์ 2.ไม่ลักทรัพย์ 3.ไม่ประพฤติผิดในกาม

5.เลี้ยงชีพชอบ (สัมมาอาชีวะ) (ศิล) ได้แก่ เว้นมิจฉาชีพ ประกอบสัมมาชีพ

6.พยายามชอบ (สัมมาวายามะ) (สมาธิ) ได้แก่ สัมมัปปธาน 4 ประกอบด้วย 1.เพียรระวัง หรือเพียรปิดกั้น คือ เพียรระวังยับยั้งบาปอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดมิให้เกิดขึ้น 2.เพียรละ หรือเพียรกำจัด คือเพียรละบาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว 3.เพียรเจริญ หรือเพียรก่อให้เกิด คือ เพียรทำกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ให้เกิดมีขึ้น 4. เพียรรักษา คือ เพียรรักษากุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วให้ตั้งมั่น และให้เจริญยิ่งขึ้นไปจนไพบูลย์

7.ระลึกชอบ (สัมมาสติ) (สมาธิ) ได้แก่ สติปัฏฐาน 4 ประกอบด้วย 1.การตั้งสติกำหนดพิจารณากาย 2. การตั้งสติกำหนดพิจาณาเวทนา 3.การตั้งสติกำหนดพิจารณาจิต 4.การตั้งสติพิจารณาธรรม (มีรายละเอียดเพิ่มเติม)

8.ตั้งจิตมั่นชอบ (สัมมาสมาธิ) (สมาธิ) ได้แก่ ฌาน 4 ประกอบด้วย 1.ปฐมฌาณ 2.ทุติยฌาน 3.ตติยฌาน 4.จตุตถฌาณ (มีรายละเอียดเพิ่มเติม)

ในทางปฏิบัตินั้น คำสอนทั้งหมดของพระพุทธองค์ที่ทรงอุทิศ พระองค์สั่งสอนในช่วงเวลา 45 ปีนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางสายกลางนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง พระองค์ทรงอธิบายทางสายนี้ โดยวิธิการ และใช้คำพูดที่แตกต่างกันไปตามความแตกต่างของบุคคลโดยให้สอดคล้องกับระดับการพัฒนา และศักยภาพในการเข้าใจ และตามได้ทันของบุคคลเหล่านั้น แต่สาระสำคัญของพระสูตรหลายพันสูตรที่กระจายอยู่ในคัมภัร์ต่างๆ ของพุทธศาสนา ล้วนแต่มีเรื่องเกี่ยวกับมรรคซึ่งประกอบด้วยองค์แปดอันประเสริฐนี้ทั้งนั้น

จะต้องไม่เข้าใจว่า องค์ หรือส่วนประกอบ 8 ประการของทางสายกลางนี้ ต้องนำไปปฏิบัติทีละข้อ โดยเรียงตามลำดับหมายเลขดังรายการที่ให้ไว้ข้างต้นนั้น องค์ต่างๆ เหล่านั้นจะต้องพัฒนาให้มีขึ้นพร้อมๆกันมากบ้าง น้อยบ้าง ตามแต่ขีดความสามารถของแต่ละบุคคลที่จะให้เป็นไปได้ องค์เหล่านี้ล้วนแต่เกี่ยวโยงกัน และแต่ละองค์ก็ช่วยส่งเสริมองค์อื่นๆไปด้วย


คำสอนของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

คำสอนของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
สิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ควรทำความผูกพัน เพราะเป็นสิ่งที่ล่วงไปแล้วอย่างแท้จริง
แม้กระทำความผูกพันและหมายมั่นให้สิ่งนั้นกลับมาเป็นปัจจุบัน ก็เป็นไปไม่ได้
ผู้ทำความสำคัญมั่นหมายนั้นเป็นทุกข์แต่ผู้เดียว โดยความไม่สมหวังตลอดไป
อนาคตที่ยังมาไม่ถึงนั้น เป็นสิ่งไม่ควรไปยึดเหนี่ยวเกี่ยวข้องเช่นกัน

อดีตปล่อยไว้ตามอดีต อนาคตปล่อยไว้ตามกาลของมัน
ปัจจุบันเท่านั้นจะสำเร็จประโยชน์ได้ เพราะอยู่ในฐานะที่ควรทำได้ ไม่สุดวิสัย

=====================================
แจ้งปัญหาการใช้งานต่างๆ ที่ star4life.com@gmail.com

ทางสายกลางของความรัก

ผมเชื่อว่า ทุกท่านที่อ่านบล็อคนี้ รู้จักความรักดี
ผมเชื่อว่า ทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ รู้จักคำว่า "ทางสายกลาง" ดีด้วยเช่นกัน


แต่ก็อย่างที่เขาว่ากันว่า .. บางที.. การรู้จัก กับเข้าใจ
มันอาจจะอยู่ห่างกันคนละฟากของแม่น้ำ


เหมือนเรารู้จักคนๆนึงมาหลายปีดีดัก ไม่ได้แปลว่าจะเข้าใจคนๆนั้นเสมอไป
การรู้จักใครคนนึง อาจวัดได้ด้วยเวลา แต่ความเข้าใจนี่ วัดด้วยเวลาไม่ได้ครับ


ผมเคยนึกเสมอว่าผมรู้จักความรักดี เพราะผ่านมันมาแล้วหลายรูปแบบ หลายครั้ง
แต่มองย้อนไปแล้ว ผมค้นพบว่า ผมแทบไม่เคยเข้าใจมันเลย


เพราะที่จริงแล้ว ความรักมันเป็นนามธรรมที่ไม่มีรูปแบบตายตัว จับต้องไม่ได้ ไม่มีรูปพรรณสัณฐาน


การเข้าใจด้วยวิธีคิดเอา ว่ามันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
ก็เหมือนเราเอาอากาศไปอัดใส่ลูกโป่ง แล้วก็บอกว่า ..
..นี่ไง อากาศมันมีรูปร่างอย่างนี้ไง สีนี้ไง


ตลกดีนะครับ .. มีอะไรตั้งหลายอย่างที่พอเรียนรู้มากขึ้นๆ เรากลับพบว่า
การเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่มากในชีวิตของเรา ก็คือการที่เรารู้ว่า ที่ผ่านมาเราแทบไม่รู้อะไรเลยนั่นแหละ


สมัยเรียนวิปัสสนากับอาจารย์ผมใหม่ๆ ท่านสอนบ่อยๆ ในเรื่องทางสายกลาง
ท่านบอกว่า อย่ามัวเสียเวลาไปค้นหาว่า ตรงไหนคือ "กลาง"


แต่ให้รู้ทันตรงที่มันไม่กลางไว้บ่อยๆนั่นแหละ
แล้วจิตมันจะเกิดปัญญาเดินไปบนทางสายกลางเอง


ผมแอบเอามันมาประยุกต์กับความรักได้อย่างนี้ครับ


ถ้าทางสายกลางในการปฏิบัติ คือความพอดี ไม่สุดโต่ง คือหนทางของปัญญา และสันติสุข
ทางสายกลางของความรัก ก็น่าจะเป็นความรักที่พอดี เป็นสุข และร่มเย็น


แค่นี้ก็ฟังดูเก๋ก๋าฮาเฮอาเดบายอร์แล้ว อย่าไปหวังถึงขนาดว่ามันจะไม่มีทุกข์เลยนะ
ยังไงๆ ที่ใดมีรัก ที่นั่นก็ยังมีทุกข์อยู่วันยังค่ำ


เพียงแต่มันก็ทุกข์น้อยและบางเบากว่าความรักที่สุดขอบ ซ้ายบ้าง ขวาบ้าง เยอะแหละ


ถ้าทางสายกลางในการเจริญวิปัสสนา ไม่ใช่สิ่งที่พึงค้นหาด้วยการคิดเอาฉันใด
ทางสายกลางของความรัก ก็เป็นสิ่งที่ไม่พึงเกิดได้ด้วยวิธีคิดเอาฉันนั้น



ในเมื่อคิดเอาไม่ได้ ก็คอยสังเกต ตามรู้ตามดูการทำงานของจิตตัวเองเวลามีความรัก
ดูตั้งแต่มันเริ่มพอใจ เริ่มชอบ เริ่มคิดถึง เริ่มรัก และจบลง


สิ่งที่เรียนรู้จากตรงนี้ จะทำให้ผมค้นพบว่า หนทางสายกลางของความรัก
ไม่มีอะไรพิสดารมากไปกว่า ความรักและความปรารถนาดีเท่านั้นแหละ



ถ้าคุณกำลังรู้สึกว่า คุณรักใครสักคนด้วยความอยากเป็นเจ้าของเขา ถึงจะแสดงความปรารถนาดี
แต่ก็โกรธเคืองเมื่อเขาไม่ยอมรับ เคียดแค้น เมื่อเขาไปรักคนอื่น ฟูมฟายเมื่อเขาไม่รักตอบ
อันนั้นแปลว่า คุณกำลังสุดโต่งไปข้างหนึ่งอยู่ ไม่ใช่ทางสายกลาง


หรือรักใครสักคนที่ไม่ควรรัก ด้วยความไม่หวังอะไร แต่ก็ให้ร้ายเบียดเบียนตัวเอง
ทำให้ชีวิตตัวเองตกต่ำลง เป็นทุกข์หนักบักโกรก โศกซ้ำจำทน
อันนั้นแปลว่า คุณกำลังสุดโต่งไปอีกข้างนึงอยู่ ไม่ใช่ทางสายกลางอีก


ถ้าคุณเดินบนทางสายกลางของความรัก คุณจะรู้ว่า..
..ความรักที่พอดี คือความสมดุลย์ระหว่างการรักตัวเอง กับผู้อื่น
ทางสายกลางของความรัก อยู่บนพื้นฐานของการปรารถนาดีต่อตนเอง และผู้อื่น



ถ้าคุณเดินบนทางสายกลางของความรัก คุณจะรู้ว่า..
ควรรักคนที่ควรรัก ไม่เสียใจกับคนที่ไม่ควรเสียใจ



จริงอยู่ ความเสียใจห้ามไม่ได้ แต่ถ้ายอมรับว่า เสียใจเป็นเรื่องธรรมชาติ
ไม่ซ้ำเติมตัวเอง ยอมรับ ไม่ดิ้นรนจะหายเสียใจ เพียงแต่รับรู้ และยอมรับไป
มันจะเบาลงๆ และจางหายไปในที่สุด


ถ้าคุณเดินบนทางสายกลางของความรัก คุณจะรู้ว่า..
ถ้าปรารถนาดีกับคนอื่นแล้วเขาไม่พร้อมจะรับ เขาไม่ยินดีจะรับ
ก็อย่าไปพยายามยัดเยียดให้เขาให้ลำบากใจ เก็บความปรารถนาดีนั้นไว้ในใจดีกว่า


ความปรารถนาดีมันจะมีค่า ก็เมื่อคนที่เราให้ เขาอยากได้รับนะครับ


ถ้าคุณเดินบนทางสายกลางของความรัก คุณจะรู้ว่า..
สิ่งที่ดีที่สุดของความรัก คือการได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข มีชีวิตที่ดี
เพราะความสุขของเรา ก็คือการได้เห็นเขามีความสุข



เขาจะเดินจูงมือใคร จะเลือกไปกับใคร จะรักใคร มันคือชีวิตเขา เขามีสิทธิเลือกได้
ก็เหมือนกับที่เราเลือกได้ว่าเราจะมีชีวิตต่อไปอย่างไรให้ทุกข์น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น


ถ้าวันนึงความสุขของเขา มันจะหมายถึงการเลือกทางเดินชีวิตใหม่ ที่ไม่มีเรา..
มันจะเป็นบทพิสูจน์ที่สำคัญเลยนะ ว่าตกลงที่เราพูดปาวๆว่า เรารักเขาๆ น่ะ
ตกลง.. เรารักตัวเองมากกว่า หรือรักเขามากกว่า



จำเพลงๆนึงได้ไหมครับ ที่เขาร้องว่า
"ไม่รักฉัน มันก็เรื่องของเธอ จะรักเธอมันก็เรื่องของฉัน"


เข้าใจได้แค่นี้ก็สุขหลายแล้วนะคุณนะ




โดย aston27
ที่มา http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=aston27&month=19-11-2007&group=10&gblog=2

พระอุ้มหมา ชีอุ้มแมว

ตัวเองเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องผีสาง หรือเห็น สัมผัสอะไรแบบนี้มาก่อน แล้วก็ไม่เชื่อด้วย แต่

ประสบการณ์นี้ เราคงจำจนวันตายเลย เรามาเรียนอยู่ที่ต่างประเทศได้ 3 ปีแล้ว

แล้วก็อยู่หอพักคนเดียวมาตลอด แต่ก็ไม่เคยเจอ ไม่เคยเห็น หรือแม้แต่จะได้ยินอะไร

แปลก ๆ มาก่อนเลย หลังจากเรียนจบ เราได้แต่งงานกับสามี มาได้ เป็นเวลา 8 เดือน

สามีเป็นข้าราชการ เป็นงานที่ทางการมักจะส่งไปประจำที่นู่น ที่นี่อยู่บ่อย ๆ ที่ละ 3 ปี

พอเราแต่งงานกันได้ เค้าก็ถูกส่งมาประจำที่เมืองหนึ่ง ซึ่งเป็นเมืองที่เรียกง่าย ๆ ว่าบ้านนอก

มาก ๆ เหมือนบ้านเรานี่แหละ เรากับสามี เซ็งมากเลย แต่เงินดี ก็ต้องทำ บ้านพักที่ทาง

การจัดไว้ให้ยังไม่พร้อมเข้าอยู่ แต่ทางรัฐได้ให้รายชื่อบ้านเช่า และอพาร์ทเมนท์ไว้ให้

เราสองคนก็ขับรถหากันทั้งวันจนมาเจอหลังนี้ เป็นบ้านเดี่ยว หลังใหญ่ แล้วก็สะอาดที่สุด

แล้วในละแวกนั้น เราเองก็ตกลงทำสัญญากันทันที แล้วก็ย้ายเข้าอยู่อาทิตย์ถัดมา วันแรกใน

บ้านหลังนั้นยังไม่มีไฟฟ้าเข้า เพราะว่าบ้านได้ถูกปิดมากว่า 6 เดือน เราเองก็ต้องจุดเทียน

กัน แล้วก็นอนหลับไป แต่มีความรู้สึกเย็นยะเยือกยังไงบอกไม่ถูก อยู่มาได้ ซัก 2 อาทิตย์

เหตุการณ์แปลกก็เกิดขึ้นกับเรา คือวันนั้นเป็นวันเสาร์ เราทั้งสองคนไม่ได้ทำงานกัน

เราอยากจะนอนตื่นสาย ๆ ซักวัน เลยนอนยาว แฟนเองก็ขอตัวไปทำอะไรกินก่อน

เราก็หลับต่ออยู่คนเดียว ซักพักก็มีเสียงคนเดินอยู่ในห้อง หยิบนู่นหยิบนี่ เราก็คิดว่า แฟน

เลยไม่ได้ใส่ใจ แต่คนคนนั้น เดินมาที่ข้างเตียงเรา แล้วก็กระซิบที่ข้างหูเรา ฟังไม่ออกว่า

อะไร แล้วหลังจากนั้นเตียงก็เขย่า แรงมาก เราเองคิดว่าถ้าเป็นแฟนนะน่าดู พยายามลุกขึ้น

ลืมตาไม่ได้ เหมือนมีมือระหว่างข้อมือถึงข้อศอกมาค้ำที่คอเร า เราดิ้นสุดแรงเกิด

แล้วก็กลัวมากด้วย จนหลุดออกมาได้ วิ่งตรงไปหาแฟนที่ห้องรับแขกทันที เห็นแฟน

นั่งดูทีวี แล้วก็ทำงานอยู่ที่ คอมพิวเตอร์โน๊ตบุคส์ อยู่ เค้าก็งงว่าเราเป็นไร ทำไมวิ่งหน้า

ตั้งหัวฟูอย่างนั้น เราเลยบอกว่า ฝันร้าย ไม่มีอะไร เพราะว่ารู้ถึงบอกไป แฟนต้องหาว่า

บ้าแน่ ๆ จากนั้น เราเองก็มักจะเจออะไรแปลก ๆ อยู่เรื่อย หลังจากนั้น เราเองไม่เคยนอน

คนเดียวในห้องนอนอีกเลย แต่เหตุการณ์ที่ทำให้เรากลัว และคิดว่าหนักที่สุดคือ

มีอยู่วันหนึ่ง เราอยู่บ้านคนเดียว แฟนกลับดึก เราเองก็โทรคุยกับเพื่อนที่เรียนด้วยกัน

ซะนาน ซักพักชักง่วง เลยนอนรอแฟนอยู่ที่โซฟา เปิดทีวี เสียงดัง เป็นเพื่อน เพราะว่ายัง

หลอนอยู่นิด ๆ เผลอหลับไปได้ซัก 20 นาที ก็เริ่มได้ยินเสียงคนทำอะไรก็อก ๆ แก๊ก ๆ

ในครัว เดินไปเดินมา ซักพักก็มาหยุดอยู่ตรงหัวนอนที่เรานอนอยู่ ผู้หญิงคนนั้น เดินอ้อมมา

จับที่ไหล่เรา แล้วก็ก้มหน้ามาพูดอะไรกับเราอีกไม่รู้ฟังไม่ออ ก ก้มจนหน้าแทบจะติดกับ

เรา แล้วเค้าก้เริ่มพูดเสียงดังขึ้น แล้วตะคอกใส่หน้าเราเสียงดังมาก เรากลัวมากเลย

เค้าบีบที่ไหล่เรา จนเราเองเริ่มทนไม่ไหว เลยบันดาลโทสะ ผลักเค้าไป เค้าล้มลงแล้วเรา

ก็ด่าว่า มาหาเราทำไม เราอยู่บ้านหลังนี้นะ ยูเข้ามาได้ยังไง แล้วต้องการอะไร ทำไมต้อง

ทำกับเราอย่างนี้ด้วย เค้าก็ร้องออกมาเสียงดัง แต่เสียงร้องของผู้หญิงคนนี้เป็นเสียงเด็ก

ทารก น่ากลัวมาก เรารวบรวมสติได้ ลุก วิ่งออกไปนอกบ้าน ไปยืนอยู่ที่หน้าบ้าน

รอจนแฟนกลับมา แฟนถามว่าทำไม เราเองร้องไห้ พูดไม่เป็นศัพท์ บอกแฟนว่า

เราขอย้ายกลับไปอยู่เมืองเดิมที่เราเคยอยู่ เราทนไม่ไหวแล้ว เรากลายเป็นคนระแวง

หลอน เวลาจะนอน ก็จะเริ่มมากวนเรา มาเดินวนเวียนที่โซฟา เป็นอย่างนี้บ่อยมาก

เราเครียดจนจะไม่ไหวแล้ว แล้วก็ผอมลงมากด้วย แฟน ก็ปลอบใจ แล้วก็บอกว่า

เราต้องคุยกันแล้วนะเราอธิบายลักษณะของผู้หญิงคนนี้ให้เค้าฟังว่า เป็นคนเอเซียไม่รู้

ว่าชาติอะไร ผมยาว ตัวเล็ก ๆ แล้วพูดภาษาเหมือนเวียดนามมั้ง เราเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

แฟนเราก็หาว่าเราดูหนังมากไปมั่งแหละ คิดมากมั่งและ เราร้องไห้ เครียด พูดเท่าไหร่

เค้าก็ไม่เคยเชื่อ เพื่อนเค้ามาคุยกับเรา เพื่อนคนนี้เป็นจิตแพทย์ เราโกรธมากที่แฟนหาว่า

เราบ้า เพื่อนเค้าลงความเห็นว่า เราเป็นโรคเรียกร้องความสนใจ อาจจะเป็นเพราะว่าแฟน

ทำงาน ไม่ค่อยมีเวลาให้เรา เราเสียใจมากเลย เรานั่งจับเข่าคุยกับแฟนเรา แล้วถามว่าคิด

ว่าเราป่วยจริง ๆ เหรอ เค้าก็บอกว่าไม่หรอก เค้ารู้ว่าเราคงไม่กุเรื่องแต่งเรื่องขึ้นมาหรอก

เพียงแต่สำหรับเค้าไม่สามารถยอมรับว่ามันเป็นเรื่องผ ีสางได้ อาจจะเป็นอย่างอื่นมากกว่า

แฟนเราเป็นคนไทยนี่แหละ แต่ว่าเกิดที่นี่ โตที่นี่ เลยไม่เชื่อเลยแม้แต่นิดเดียว

หลังจากนั้นแฟนเราก็เล่าให้ฟังว่า บางทีเวลาที่เค้าอาบน้ำ ก็เหมือนมีคนมาเดินผ่านหน้า

ห้องน้ำ แต่พอเปิดม่านดูก็ไม่มีใคร เพราะว่าแฟนมักจะเปิดประตูห้องน้ำทิ้งไว้เวลาอาบน้ำ

เพราะว่ามีม่านกั้นอีกทีนึง แต่เค้าไม่เคยเก็บมาใส่ใจเลย เราเอง เวลาหลับ หรือนอนหลับตา

พอเริ่มเคลิ้ม ก็จะมาแวะ มาเดินวนเวียน รอบโซฟา บางทีก็ทำอะไรก๊อก แก๊ก

ในครัวมั่งล่ะ เป็นอย่างนี้ประจำ เราอยากรู้ว่าทำไมเค้าต้องมาให้เราเห็นด้วย แล้วเกิด

อะไรขึ้น เค้าต้องการอะไร เราอยู่ที่นี่มาได้ 4เดือนแล้ว เห็นอะไรแปลก ๆ จนเริ่มจะชิน

แต่ก็ยังกลัวอยู่ดี อยากถามเพื่อนบ้านนะ แต่ที่นี่ ไม่มีใครเป็นเพื่อนใคร ต่างคนต่างอยู่

เราเองต้องอยู่ที่นี่ไปอีก เกือบ 6 เดือน กว่าจะย้ายเข้าไปบ้านพัก ประจำ เราเครียด

มากเลย เราโทรหาพ่อ กับ แม่ที่เมืองไทย เล่าให้เค้าฟัง เค้าก็บอกว่า ลองจุดธูปบอกเค้า

ดูสิว่าต้องการอะไร ก็มาในฝัน อย่ามาแบบนี้เรากลัว แต่ก็ไม่มีเวลาซักที ใครที่มีความรู้

หรือมีคำแนะนำใด ๆ ช่วยหน่อยสิ เราเครียดมากเลย ตอนนี้ กลับบ้านเวลาอยู่คนเดียว

ไม่เป็นสุขเลย กลัวมาก หลอนมากด้วย เวลาจะนอนก็จะระแวง อย่าหาว่าเราบ้าเลยนะ

เราเครียดจริง ๆ เห็นจริง ๆ


วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2554

http://ninephum.blogspot.com/ บล๊อกส่วนตัว นายภูมิ http://phayanak.blogspot.com/ พญานาค นาคราช บั้งไฟพญานาค นาก นาค http://kpch-blog.blogspot.c

http://ninephum.blogspot.com/
บล๊อกส่วนตัว นายภูมิ


http://phayanak.blogspot.com/
พญานาค นาคราช บั้งไฟพญานาค นาก นาค


http://kpch-blog.blogspot.com/
บทความดีดีจาก Forward Mail เมลล์ที่ชอบส่งต่อ รวม Forward Mail ดีจากทั่วโลกไว้ให้อ่าน และดูกันที่นี่ มีทั้งเรื่องเพื่อน ความรัก เรื่องแปลก มีทั้งซึ้งๆ ขำๆ น่ากลัว และมีประโยชน์ด้วย.


http://ninephoom.blogspot.com/
สอบบรรจุครูผู้ช่วย สอบบรรจุครู สอบบรรจุครูผู้ช่วย 2554 ครูผู้ช่วย ข่าวครู วิทยฐานะครู นักเรียน การศึกษา การเรียน ข่าวการศึกษา ครูไทย โรงเรียน บทความ ความรู้ทั่วไป ครูบ้านนอก ความรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ เทคโนโลยีการศึกษา สอบบรรจุครูผู้ช่วย 2554


http://love8love9.blogspot.com/
บทความเกี่ยวกับความรัก,บทความโดนๆ,บทความซึ้งๆ,บทความเศร้า,บทความดีๆ,ความรู้สึกดีๆ,ความรัก,อกหัก,เศร้า,เหงา,กลอนซึ้งๆ,เรื่องเล่า,ข้อความ,เพื่อน,บทความความรัก,กลอน,บทกลอน,ผ่อนคลาย, เรื่องตลก, เรื่องขำขัน,บทความเกี่ยวกับเพื่อน,เพื่อน


http://phayanaga.blogspot.com/
พญานาค นาคราช บั้งไฟพญานาค


http://thaifreetest.blogspot.com/
ฟรีระบบข้อสอบออนไลน์ คลังข้อสอบ รวมข้อสอบ ข้อสอบ คลังข้อสอบ รวมแบบทดสอบ รวมข้อสอบ คลังข้อสอบ รวมข้อสอบ ข้อสอบ ระบบข้อสอบ โปรแกรมข้อสอบ แบบทดสอบออนไลน์
http://thailandensogo.blogspot.com/
Ensogo Thailand (EnsogoThailand)


http://insurance-freestyle.blogspot.com/
Life Insurance Knowledge:Life Insurance , private, death, employee pensions and annuities,life insurance, educational, life insurance companies
http://insuranceinsurancelifeinsurance.blogspot.com/
Insurance Insurance LifeInsurance


http://ninethailand.blogspot.com/
Thailand general knowledge
General knowledge about Thailand And Articles of Thailand to be incorporated easily to learn about education in areas such as the sequence of Thailand Thai kings. Patriarch in the period. Thai Prime Minister. Field Marshal of Thailand Geographic information. And population of the provinces. Zip code and regular telephone and location. Provincial seal motto and travel the 76 provinces of Thailand.


http://lovelovelovethailand.blogspot.com/
รับสมัครครูวิทยาศาสตร์ ด่วน! รับสมัครครูอัตราจ้าง วิชาสังคมศึกษา ด่วน รับสมัครครูอัตราจ้าง รับสมัครครู


http://volleyballthailand.blogspot.com/
volleyballthailandclub volleyball วอลเลย์บอล วอลเลย์บอลไทย นักตบลูกยาง ปลื้มจิตร วันชัย นุศรา จิรายุ โชติวัฒน์ วรรณนา อรอุมา วิลาวรรณ มัลลิกา กฤษดา นักกีฬาวอลเลย์บอลทีมชาติไทย นักกีฬาวอลเลย์บอลชาย นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิง


http://sobkroo.blogspot.com/
ข้อสอบครูชำนาญการพิเศษ ,ข้อสอบครูผู้ช่วย,สอบบรรจุครู,แนวข้อสอบครู,สอบครู,แนวข้อสอบครูผู้ช่วย,ครูผู้ช่วย,ข้อสอบบรรจุครู,ข้อสอบครูชำนาญการพิเศษ,สอบครูชำนาญการพิเศษ

http://sobkroobannok.blogspot.com/
รวมข้อสอบ แบบทดสอบ รวมแนวข้อสอบ ข้อสอบ มากมายหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย ข้อสอบบรรจุครูผู้ช่วย ข้อสอบฟิสิกส์ ข้อสอบเยียวยา ข้อสอบอะไรก็ช่างเถอะ

http://sorbkrooyai.blogspot.com/
รวมข้อสอบ แบบทดสอบ รวมแนวข้อสอบ ข้อสอบ มากมายหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย ข้อสอบบรรจุครูผู้ช่วย ข้อสอบฟิสิกส์ ข้อสอบเยียวยา ข้อสอบอะไรก็ช่างเถอะ


http://thaiphysics.blogspot.com/
ฟิสิกส์ ฟิสิกส์ไทย ข้อสอบฟิสิกส์ บทเรียนฟิสิกส์ ฟิสิกส์ออนไลน์ โจทย์ฟิสิกส์ แบบฝึกหัดวิชาฟิสิกส์

http://biologycontest.blogspot.com/
ความรัก บทความความรัก ดูดวงความรัก นิยามความรัก กลอนรัก เพลงรัก
ความรัก ความรัก เนื้อคู่และลักษณะเนื้อคู่ กลอนรัก บทความเกี่ยวกับรัก บอกรัก ความรัก บทความความรัก ดูดวงความรัก นิยามความรัก ความรักคืออะไร ความรักคือ กลอนความรัก กลอนรัก เพลงความรัก


http://oopps.bloggang.com
เฉลยข้อสอบวิชาฟิสิกส์ O-Net ฟิสิกส์ ข้อสอบฟิสิกส์ บทเรียนฟิสิกส์ ฟิสิกส์ออนไลน์ โจทย์ฟิสิกส์ แบบฝึกหัดวิชาฟิสิกส์ โจทย์วิชาฟิสิกส์ โจทย์วิชาฟิสิกส์ รวมนำเสนอข่าวสาร บทความของคุณ รวมนำเสนอข่าวสาร บทความของคุณ

http://ninephum.blogspot.com/ บล๊อกส่วนตัว นายภูมิ http://phayanak.blogspot.com/ พญานาค นาคราช บั้งไฟพญานาค นาก นาค http://kpch-blog.blogspot.c

http://ninephum.blogspot.com/
บล๊อกส่วนตัว นายภูมิ


http://phayanak.blogspot.com/
พญานาค นาคราช บั้งไฟพญานาค นาก นาค


http://kpch-blog.blogspot.com/
บทความดีดีจาก Forward Mail เมลล์ที่ชอบส่งต่อ รวม Forward Mail ดีจากทั่วโลกไว้ให้อ่าน และดูกันที่นี่ มีทั้งเรื่องเพื่อน ความรัก เรื่องแปลก มีทั้งซึ้งๆ ขำๆ น่ากลัว และมีประโยชน์ด้วย.


http://ninephoom.blogspot.com/
สอบบรรจุครูผู้ช่วย สอบบรรจุครู สอบบรรจุครูผู้ช่วย 2554 ครูผู้ช่วย ข่าวครู วิทยฐานะครู นักเรียน การศึกษา การเรียน ข่าวการศึกษา ครูไทย โรงเรียน บทความ ความรู้ทั่วไป ครูบ้านนอก ความรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ เทคโนโลยีการศึกษา สอบบรรจุครูผู้ช่วย 2554


http://love8love9.blogspot.com/
บทความเกี่ยวกับความรัก,บทความโดนๆ,บทความซึ้งๆ,บทความเศร้า,บทความดีๆ,ความรู้สึกดีๆ,ความรัก,อกหัก,เศร้า,เหงา,กลอนซึ้งๆ,เรื่องเล่า,ข้อความ,เพื่อน,บทความความรัก,กลอน,บทกลอน,ผ่อนคลาย, เรื่องตลก, เรื่องขำขัน,บทความเกี่ยวกับเพื่อน,เพื่อน


http://phayanaga.blogspot.com/
พญานาค นาคราช บั้งไฟพญานาค


http://thaifreetest.blogspot.com/
ฟรีระบบข้อสอบออนไลน์ คลังข้อสอบ รวมข้อสอบ ข้อสอบ คลังข้อสอบ รวมแบบทดสอบ รวมข้อสอบ คลังข้อสอบ รวมข้อสอบ ข้อสอบ ระบบข้อสอบ โปรแกรมข้อสอบ แบบทดสอบออนไลน์
http://thailandensogo.blogspot.com/
Ensogo Thailand (EnsogoThailand)


http://insurance-freestyle.blogspot.com/
Life Insurance Knowledge:Life Insurance , private, death, employee pensions and annuities,life insurance, educational, life insurance companies
http://insuranceinsurancelifeinsurance.blogspot.com/
Insurance Insurance LifeInsurance


http://ninethailand.blogspot.com/
Thailand general knowledge
General knowledge about Thailand And Articles of Thailand to be incorporated easily to learn about education in areas such as the sequence of Thailand Thai kings. Patriarch in the period. Thai Prime Minister. Field Marshal of Thailand Geographic information. And population of the provinces. Zip code and regular telephone and location. Provincial seal motto and travel the 76 provinces of Thailand.


http://lovelovelovethailand.blogspot.com/
รับสมัครครูวิทยาศาสตร์ ด่วน! รับสมัครครูอัตราจ้าง วิชาสังคมศึกษา ด่วน รับสมัครครูอัตราจ้าง รับสมัครครู


http://volleyballthailand.blogspot.com/
volleyballthailandclub volleyball วอลเลย์บอล วอลเลย์บอลไทย นักตบลูกยาง ปลื้มจิตร วันชัย นุศรา จิรายุ โชติวัฒน์ วรรณนา อรอุมา วิลาวรรณ มัลลิกา กฤษดา นักกีฬาวอลเลย์บอลทีมชาติไทย นักกีฬาวอลเลย์บอลชาย นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิง


http://sobkroo.blogspot.com/
ข้อสอบครูชำนาญการพิเศษ ,ข้อสอบครูผู้ช่วย,สอบบรรจุครู,แนวข้อสอบครู,สอบครู,แนวข้อสอบครูผู้ช่วย,ครูผู้ช่วย,ข้อสอบบรรจุครู,ข้อสอบครูชำนาญการพิเศษ,สอบครูชำนาญการพิเศษ

http://sobkroobannok.blogspot.com/
รวมข้อสอบ แบบทดสอบ รวมแนวข้อสอบ ข้อสอบ มากมายหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย ข้อสอบบรรจุครูผู้ช่วย ข้อสอบฟิสิกส์ ข้อสอบเยียวยา ข้อสอบอะไรก็ช่างเถอะ

http://sorbkrooyai.blogspot.com/
รวมข้อสอบ แบบทดสอบ รวมแนวข้อสอบ ข้อสอบ มากมายหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย ข้อสอบบรรจุครูผู้ช่วย ข้อสอบฟิสิกส์ ข้อสอบเยียวยา ข้อสอบอะไรก็ช่างเถอะ


http://thaiphysics.blogspot.com/
ฟิสิกส์ ฟิสิกส์ไทย ข้อสอบฟิสิกส์ บทเรียนฟิสิกส์ ฟิสิกส์ออนไลน์ โจทย์ฟิสิกส์ แบบฝึกหัดวิชาฟิสิกส์

http://biologycontest.blogspot.com/
ความรัก บทความความรัก ดูดวงความรัก นิยามความรัก กลอนรัก เพลงรัก
ความรัก ความรัก เนื้อคู่และลักษณะเนื้อคู่ กลอนรัก บทความเกี่ยวกับรัก บอกรัก ความรัก บทความความรัก ดูดวงความรัก นิยามความรัก ความรักคืออะไร ความรักคือ กลอนความรัก กลอนรัก เพลงความรัก


http://oopps.bloggang.com
เฉลยข้อสอบวิชาฟิสิกส์ O-Net ฟิสิกส์ ข้อสอบฟิสิกส์ บทเรียนฟิสิกส์ ฟิสิกส์ออนไลน์ โจทย์ฟิสิกส์ แบบฝึกหัดวิชาฟิสิกส์ โจทย์วิชาฟิสิกส์ โจทย์วิชาฟิสิกส์ รวมนำเสนอข่าวสาร บทความของคุณ รวมนำเสนอข่าวสาร บทความของคุณ

ตำนานเรือปีศาจ


ตำนานลึกลับ ฟลายอิงดัตช์แมน เรือปีศาจ !!!!

ตำนานเรือปีศาจ

ท่ามกลางท้องทะเลอันเวิ้งว้างกว้างใหญ่ไพศาล มีเรื่องน่าสะพรึงกลัว และอันตรายต่างๆ มากมาย เช่น ภัยพิบัติจากพายุ หรือ คลื่นลมบ้าคลั่ง ซึ่งพร้อมจะโหมซัดให้เรือของพวกเขาอัปปางลง แต่สำหรับนักเดินเรือบางคน ภัยธรรมชาติเหล่านี้ ยังไม่น่าหวั่นเกรงเท่าการเผชิญหน้ากับสิ่งลึกลับ อย่างเช่น เรือปีศาจ...

ตำนานเรือปีศาจซึ่งถูกกล่าวขานมากที่สุดเรื่องหนึ่ง คือ ตำนานของฟลายอิงดัตช์แมน(Flying Dutchman) กัปตันเรือผู้ถูกสาปให้ต้องเร่ร่อนอยู่ในท้องทะเลจนกว่าจะถึงวันแห่งการพิพากษา

...เล่ากันว่า เรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นในศตวรรษที่ 17 เมื่อปีค.ศ. 1641 กัปตันเฮนดริก แวน เดอ เด็คเคน (Hendrick Van der Decken) กัปตันตันเรือสินค้าลำหนึ่งของฮอลันดา คิดจะนำเรือเดินทางอ้อมแหลมกูดโฮป ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของแอฟริกา ขณะใกล้ถึงจุดหมาย บังเอิญมีลมพายุที่รุนแรงขวางเส้นทางเดินเรือของเขาไว้ แทนที่เขาจะเลิกล้มความตั้งใจ หรือ หันเหเรือไปยังเส้นทางอื่น กัปตันเรือผู้ดื้อรั้นกลับนำเรือของเขาแล่นฝ่าพายุต่อไป ทำให้ลูกเรือซึ่งตระหนักถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น ร่วมมือกันเข้ายึดอำนาจการควบคุมเรือจากกัปตัน ด้วยความโมโหผสมกับความมึนเมาจากฤทธิ์ของสุรา ทำให้กัปตันเรือคลุ้มคลั่ง จนใช้ปืนยิงหัวหน้ากลุ่มขบถ แล้วโยนร่างของเขาทิ้งลงทะเลไป ทันใดนั้นเอง มีเมฆลึกลับสีดำปรากฏขึ้น พร้อมกับมีเสียงตำหนิกัปตันเรือ ในความดื้อรั้นของเขา กัปตันเรือจึงโต้เถียงออกไปอย่างไม่เกรงกลัว แล้วยกปืนขึ้นเล็งไปยังเมฆประหลาดนั้น แต่เมื่อเขาลั่นกระสุนออกไป ลูกปืนกลับระเบิดใส่มือของเขาเอง จากนั้น เสียงลึกลับจากเมฆสีดำก็สาปให้เขา ต้องแล่นอยู่ในท้องทะเลไปชั่วกัลปาวสาน โดยต้องดื่มน้ำดีรสขมแทนน้ำ และกินเหล็กที่ร้อนแดงเป็นอาหาร แล้วยังสาปให้เรือปีศาจลำนี้นำความตายมาสู่ใครก็ตามที่พบเห็นมัน!”