พญานาค นาคราช บั้งไฟพญานาค นาก นาค
วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556
วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555
ประวัติพญานาคแต่ละองค์
ตะลึงใต้สระมีเมืองบาดาล มีพญานาคอาศัยอยู่
ตื่นพญานาคโผล่ แปลงกายเป็นงูยักษ์สีดำว่ายน้ำ
วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม 2555 เวลา 15:49 น.
วันนี้ (25 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า ที่บ้านทุ่งแฝก หมู่ 3 ต.นาวังหิน อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี มีชาวบ้านอ้างว่าได้เห็นสัตว์คล้ายพญานาค โผล่กลางสระน้ำร้าง จึงเดินทางตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าสระน้ำมีขนาดความกว้างกว่า 40 ไร่ โดยมีชาวบ้านจำนวนหนึ่งที่ทราบข่าวได้มายืนจับกลุ่มรอดู พร้อมกับนำดอกไม้ธูปเทียนมากราบไหว้ขอโชคลาภกันหนาตา
นางสุวิมล เล็กเจริญ อายุ52 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฯ เล่าว่า สระน้ำดังกล่าวตนเป็นผู้ดูแลอยู่ แต่เดิมจะมีผู้รับเหมาขุดทรายในบ่อไปขาย แต่ปัจจุบันไม่ได้ขุดทรายมากว่า 2 ปีแล้ว ปกติแล้วน้ำในสระจะขุ่น มีสีเหลือง แต่เมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา น้ำในสระได้เปลี่ยนจากสีเหลืองมาเป็นสีเขียว มีความใสมากกว่าเดิม และเมื่อสัปดาห์ก่อนได้มีชาวบ้านสองแม่ลูกชื่อ นางบรรจง ฉลอง อายุ 45 ปี และ นายศุภโชค ฉลอง อายุ17 ปี บ้านอยู่ ต.หนองเหียง ได้ผ่านมาบริเวณสระน้ำดังกล่าว และได้มองเห็นสิ่งประหลาดโผล่กลางสระน้ำ ส่วนบนลักษณะเป็นสีแดง มียอดแหลมคล้ายหงอนไก่ ตอนแรกคิดว่าเป็นศาลพระภูมิตั้งอยู่กลางสระน้ำ จึงนำเรื่องไปบอกเล่าในหมู่บ้าน แต่เมื่อเดินย้อนกลับมาดูอีกครั้งก็ไม่เห็นแล้ว
นางสุวิมล กล่าวอีกว่า เมื่อช่วงหัวค่ำหลายวันก่อน ตนเคยเห็นแสงไฟพุ่งขึ้นจากในสระน้ำ จำนวน 2 ครั้ง และยังมีชาวบ้านอีกหลายคนที่พบเห็นว่ากลางสระน้ำ มีคลื่นลักษณะคล้ายงูยักษ์สีดำ แหวกว่ายน้ำอยู่ในสระเป็นทางยาวแล้วก็หายไป อย่างไรก็ดีผู้สื่อข่าวได้เฝ้าสังเกตการณ์แต่ก็ไม่พบสัตว์คล้ายพญานาคโผล่ขึ้นมาแหวกว่ายน้ำในสระน้ำร้างให้เห็นแต่อย่างใด พบเพียงชาวบ้านและประชาชนที่แห่กันมาเฝ้าดูอยู่ข้างบ่อน้ำตลอดเวลาเท่านั้น
ทางด้าน นายฆเชณร์เทพ อึ้งเจริญสถาพร ซึ่งเป็นร่างทรงศาลเจ้าพ่อเก็กเทียนเก็ง นาจาไท้จื้อ สวนผัก ต.บ้านช้าง อ้างว่า เคยสื่อกระแสจิตตามไปดูพบว่า ใต้สระน้ำในส่วนลึกๆจะคล้ายประสาทหิน หรือเมืองบาดาล มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือ พญานาค อาศัยอยู่ จุดประสงค์ที่ปรากฏตัวออกมาให้ชาวบ้านพบเห็นก็เพื่อเป็นการโปรดมนุษย์ และประทานพร รักษาโรคตามจิตอธิฐาน ซึ่งคงจะอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น โดยในคืนวันเพ็ญช่วงประมาณ 01.00-02.00 น.จะปรากฏร่างให้ได้เห็นในบางครั้ง และอาจมีปาฏิหาริย์ได้เห็นลูกไฟได้ในบางโอกาสด้วย.
ตะลึงใต้สระมีเมืองบาดาล มีพญานาคอาศัยอยู่
ตื่นพญานาคโผล่ แปลงกายเป็นงูยักษ์สีดำว่ายน้ำ
วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม 2555 เวลา 15:49 น.
วันนี้ (25 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า ที่บ้านทุ่งแฝก หมู่ 3 ต.นาวังหิน อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี มีชาวบ้านอ้างว่าได้เห็นสัตว์คล้ายพญานาค โผล่กลางสระน้ำร้าง จึงเดินทางตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าสระน้ำมีขนาดความกว้างกว่า 40 ไร่ โดยมีชาวบ้านจำนวนหนึ่งที่ทราบข่าวได้มายืนจับกลุ่มรอดู พร้อมกับนำดอกไม้ธูปเทียนมากราบไหว้ขอโชคลาภกันหนาตา
นางสุวิมล เล็กเจริญ อายุ52 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฯ เล่าว่า สระน้ำดังกล่าวตนเป็นผู้ดูแลอยู่ แต่เดิมจะมีผู้รับเหมาขุดทรายในบ่อไปขาย แต่ปัจจุบันไม่ได้ขุดทรายมากว่า 2 ปีแล้ว ปกติแล้วน้ำในสระจะขุ่น มีสีเหลือง แต่เมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา น้ำในสระได้เปลี่ยนจากสีเหลืองมาเป็นสีเขียว มีความใสมากกว่าเดิม และเมื่อสัปดาห์ก่อนได้มีชาวบ้านสองแม่ลูกชื่อ นางบรรจง ฉลอง อายุ 45 ปี และ นายศุภโชค ฉลอง อายุ17 ปี บ้านอยู่ ต.หนองเหียง ได้ผ่านมาบริเวณสระน้ำดังกล่าว และได้มองเห็นสิ่งประหลาดโผล่กลางสระน้ำ ส่วนบนลักษณะเป็นสีแดง มียอดแหลมคล้ายหงอนไก่ ตอนแรกคิดว่าเป็นศาลพระภูมิตั้งอยู่กลางสระน้ำ จึงนำเรื่องไปบอกเล่าในหมู่บ้าน แต่เมื่อเดินย้อนกลับมาดูอีกครั้งก็ไม่เห็นแล้ว
นางสุวิมล กล่าวอีกว่า เมื่อช่วงหัวค่ำหลายวันก่อน ตนเคยเห็นแสงไฟพุ่งขึ้นจากในสระน้ำ จำนวน 2 ครั้ง และยังมีชาวบ้านอีกหลายคนที่พบเห็นว่ากลางสระน้ำ มีคลื่นลักษณะคล้ายงูยักษ์สีดำ แหวกว่ายน้ำอยู่ในสระเป็นทางยาวแล้วก็หายไป อย่างไรก็ดีผู้สื่อข่าวได้เฝ้าสังเกตการณ์แต่ก็ไม่พบสัตว์คล้ายพญานาคโผล่ขึ้นมาแหวกว่ายน้ำในสระน้ำร้างให้เห็นแต่อย่างใด พบเพียงชาวบ้านและประชาชนที่แห่กันมาเฝ้าดูอยู่ข้างบ่อน้ำตลอดเวลาเท่านั้น
ทางด้าน นายฆเชณร์เทพ อึ้งเจริญสถาพร ซึ่งเป็นร่างทรงศาลเจ้าพ่อเก็กเทียนเก็ง นาจาไท้จื้อ สวนผัก ต.บ้านช้าง อ้างว่า เคยสื่อกระแสจิตตามไปดูพบว่า ใต้สระน้ำในส่วนลึกๆจะคล้ายประสาทหิน หรือเมืองบาดาล มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือ พญานาค อาศัยอยู่ จุดประสงค์ที่ปรากฏตัวออกมาให้ชาวบ้านพบเห็นก็เพื่อเป็นการโปรดมนุษย์ และประทานพร รักษาโรคตามจิตอธิฐาน ซึ่งคงจะอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น โดยในคืนวันเพ็ญช่วงประมาณ 01.00-02.00 น.จะปรากฏร่างให้ได้เห็นในบางครั้ง และอาจมีปาฏิหาริย์ได้เห็นลูกไฟได้ในบางโอกาสด้วย.
หลวงปู่ชอบกับพญานาค
หลวงปู่ชอบกับพญานาค
|
หลวงปู่ชอบ ฐานสโม เป็นศิษย์รูปหนึ่งของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ... มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลวงปู่ชอบได้ธุดงค์ร่วมกับพระอาจารย์มั่น ท่านเล่าไว้ว่า “เราตามท่านพระอาจารย์มั่นไปปักกลดอยู่ริมบึงน้ำใหญ่แห่งหนึ่ง ในเขตป่าดงดิบ เราเดินสำรวจรอบๆ ปากบึง ได้พบความผิดปกติอย่างหนึ่ง ทั้งนี้ เพราะปกติแล้ว น้ำในบึงย่อมเป็นที่พึ่งพาอาศัยของเหล่าสัตว์ป่าทั้งหลาย เมื่อมีสัตว์มากินน้ำแล้ว ย่อมต้องทิ้งร่องรอยไว้ แต่ที่นี่ ทำไมไม่ปรากฏรอยเท้าสัตว์เลย... เราจึงได้กำหนดจิตตรวจดู ก็ทราบว่า พญานาคไร้คุณธรรมตนหนึ่ง ได้พ่นพิษครอบคลุมน้ำในบึงเอาไว้ ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์ หากกินน้ำในบึงนี้แล้ว ย่อมถึงความสิ้นชีวิต ด้วยพิษอันร้ายกาจนั้น เราจึงเข้าไปบอกพระธุดงค์รูปอื่นๆ อย่าแตะต้องน้ำในบึงนี้ และได้ไปเรียนให้ท่านอาจารย์ทราบ... ท่านอาจารย์ก็บอกว่า “เธอพูดถูกต้องแล้ว ขอให้งดให้น้ำก่อน เราจะไปติดต่อกับพญานาคเอง” ต่อมาวันหนึ่ง ท่านอาจารย์เรียกเราไปบอกว่า "เธอไปบอกให้พระรูปอื่นใช้น้ำในบึงได้แล้ว” ซึ่งเราได้ทราบภายหลังว่า ท่านอาจารย์ได้ทรมานพญานาคจนหมดทิฐิ แล้วบอกว่า “ท่านใยจึงพ่นพิษลงมา หมายจะสังหารพระสงฆ์ผู้ทรงศีล มิรู้หรือว่าเป็นกรรมหนักถึงตกนรกอเวจี ท่านจงรีบไปถอนพิษออกเสียเถิด” พระยานาคจึงไปถอนพิษออกจนหมดสิ้น ... ต่อมาพญานาคนั้น ได้ชวนพวกพ้องบริวารมาฟังธรรมจากท่านอาจารย์ และถวายอารักขาแก่คณะพระธุดงค์ จนย้ายไปที่อื่น หลวงปู่ชอบ เมื่อคราวท่านนำหมู่คณะพระสงฆ์ธุดงค์ข้ามไปฝั่งลาว แล้วปักกลดอยู่ใกล้หมู่บ้านลาว ไม่ไกลจากแม่น้ำโขง ...หลังจากท่านฉันภัตตาหารแล้ว ชาวบ้านได้นำบาตรขอท่านไปล้าง และเทเศษอาหารลงไปในน้ำโขง ณ ขณะนั้น ท่านก็ได้ยินเสียง ตลิ่งพังครืนๆ พร้อมกับชาวบ้านที่อยู่ริมตลิ่ง วิ่งหน้าตื่นตกใจหนีมาหาท่าน.. ท่านกำหนดจิตตรวจดูก็รู้ทั่วทั้งหมด... พอชาวบ้านวิ่งมาถึง ก็เล่าให้ท่านฟังว่า “น้ำในแม่น้ำโขงที่ใสๆ อยู่ๆ ก็ขุ่นคลั่ก เหมือนมีอะไรมากวนน้ำจนน้ำเป็นน้ำวนใหญ่รุ่นแรง แรงหมุน ทำให้คลื่นน้ำมากระทบตลิ่ง จนตลิ่งพังทลายลง ถ้าวิ่งหนีไม่ทัน มีหวังจมลงไปในน้ำวนแน่ๆ” หลวงปู่ทราบแล้วว่า พญานาคในลำน้ำโขง มีความโกรธที่คนเหล่านั้นเอาน้ำพริก น้ำปลาร้าไปถูกตัวเขาซึ่งอยู่แถวนั้นพอดี เขาจึงใช้ลำตัวฟาดไปมาด้วยแรงฤทธิ์ ทำเอาน้ำวนและตลิ่งพัง.. หลวงปู่ชอบจึงบอกชาวบ้านว่า “อย่าเอาน้ำพริกน้ำปลาร้า เศษกับข้าว ไปเทลงในน้ำอีกเด็ดขาด” ต่อมา มีพระรูปหนึ่งถือดี ไม่เชื่อฟังหลวงปู่ชอบ... วันหนึ่งแอบเอาเศษน้ำล้างบาตร ไปเทลงในแม่น้ำ ก็เกิดเหตุอาเพท น้ำหมุนวน ตลิ่งพัง จนต้องรีบวิ่งหนี แทบเอาชีวิตไม่รอด... หลังจากนั้น ทุกคน จงยอมเชื่อฟังแต่โดยดี เมื่อเข้าพรรษา หลวงปู่ชอบ ได้จำพรรษาอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ไม่ไกลแม่น้ำโขงนัก... คืนหนึ่งพญานาคตนนั้น ได้ขึ้นมาถวายความเคารพหลวงปู่ ที่ได้ห้ามคนไม่ให้ทิ้งเศษอาหารลงแม่น้ำ ทำให้น้ำสะอาด อยู่สบาย. นาคตนนั้น ส่วนหัวมานมัสการที่ปากถ้ำ ส่วนหาง ยังอยู่ที่ฝั่งน้ำโขงซึ่งห่างกันไกลเป็นกิโลเลยทีเดียว... หลวงปู่ชอบเล่าว่า “เราพบว่า เขาสร้างกรรมไว้โดยไม่ตั้งใจ คือ เมื่อชาติก่อน เขาเป็นชายหนุ่มผู้มั่นในศีล๕ แต่วันหนึ่ง ถือวิสาสะว่าคุ้นเคย ได้ถือมีดของพระสงฆ์ไปใช้เป็นของส่วนตัว ด้วยกรรมนี้ เมื่อตายไป จึงมาเกิดเป็นพญานาค แม้แสดงฤทธิ์ได้ แต่อับวาสนาไม่ได้เป็นคน...” |
พญานาคพัน
เมื่อปิดเทอมที่ผ่านมา เราได้ไปเที่ยวที่พระธาตุดอยสุเทพมาละ บันไดที่นั่นเป็นรูปพญานาค ที่งามมากนะ เราชอบมากเลยละ ตอนที่เราเดินขึ้นไปนะ เราเหนื่อยมาก เราเป็นโรคหอบ แต่ด้วยความที่เราเป็นคนนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสมอ เราจึงขอให้เราเดินถึงพระธาตุด้วย แล้วเราก็รู้สึกเหมือนมีคนมาพยุงเราขึ้นพระธาตุไป
เมื่อเราไหว้เสร็จเราก็รีบกลับมาที่บันได ไม่รู้ทำไมนะ ทั้งที่ยังเดินไม่ทั่วเรากลับอยากลงมาที่บันไดมากที่สุด เราเดินมาเรื่อยๆ แล้วเราก็ภาวนาในใจเสมอว่า ขอบคุณนะที่ช่วยให้เราขึ้นไปถึงยอด แล้วสักพักเราก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างบอกว่า อย่ากลับ ไม่ให้กลับ แล้วเราก็ร้องไห้ออกมากลางสายฝนของวันนั้น ในใจเรากลับต่อต้านที่จะให้เราก้าวขาต่อไป เราทรุดลงกับพื้น โดยไม่รู้ตัว สักครู่เดียวก็มีเพื่อนชายคนนึ่งเขามาดูด้วยความเป็นห่วง แล้วในขณะที่เราเดินมาเราก็นึกในใจว่า ถ้าต้องการให้เราอยู่ พ่อจะทำอย่างไรเล่าให้นู๋อยู่เพียงครู่เดียวที่นั่งลงนัน ร่มขายของ ที่ชาวบ้านหุบเพื่อเก็บก็หล่นลงมาตรงหน้าเราเลย เราตกใจมาก แต่ก็ต้องขอบคุณที่เพื่อนเรา ยังไม่ถึงเกณฑ์เลยเป็นดวงที่หนุนเรากลับบ้าน ในขณะที่เราลงดอยมา เรานั่งร้องไห้มาตลอดทาง เหมือนร้องไห้ไม่อยาจะกลับ ไม่กลับ ทำนองนี้อะ แล้วเราก็เห็นเหมือนมีพญานาคเลื้อยอย่างว่องไวมากไปส่งเราที่ตีนดอย เราไม่รู้นะที่เราเห็นหมายความว่าอย่างไร แต่เมื่อผ่านจุดที่เห็นยอดพระธาตุได้ชัดเจนก็รู้สึดเจ็บกลางอกขึ้นมา เมื่อลงสุดตีนดอย เราก็รู้สึกว่า เราจะได้กลับมาที่นี่อีก แน่นอน และจะได้ขึ้นมาไหว้พระธาตุ ได้มาหาพ่อกะแม่ (เราเรียกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าพ่อ แม่ ) อีกแน่นอน
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่20ตค 2553 ที่ผ่านมานี้เอง
ไม่ได้โกหกนะ แล้วแต่คนเชื่อ ไม่เชื่อโปรดอย่าลบหลู่สิ่งที่คุณไม่เห็น อย่าพิสูจการพิสูจหาความจริงจะเป็นสิ่งรบกวนพ่อแม่ แต่ถ้าเป็นคนดี เชื่อมั่นในสิ่งที่คิด ทุกอย่างก็จะมีตามที่คิดและหวัง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)